วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

หลวงปู่... ในความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลือน พระนักบุญ แห่ง... อีสานใต้

หลวงปู่..ในความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลือนพระนักบุญแห่ง...
อีสานใต้ 
จนถึงขณะที่หลวงปู่วัย  ๙๖  ปี  ท่านก็ยังเป็นพระที่มีวัตรปฏิบัติงดงาม
สุขภาพกายแข็งแรงตามวัย  สุขภาพจิตแจ่มใสเบิกบาน  
มีมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศบริจาคทานเป็นกิจวัตรประจำวัน  
และยังมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์พัฒนาให้บวรพระพุทธศาสนา  
และสังคมชนบทเจริญรุ่งเรืองสืบไป  ด้วยจิตใจที่เด็ดเดี่ยวเข้มแข็งดังภูผา  
เป็นที่เคารพ  บูชา  ของพุทธศาสนิกชน  ญาติโยม  และประชาชน  ทั่วไป  
หลวงปู่มีแต่ความเมตตา  กรุณา  ได้พยายามช่วยเหลือรักษา
ผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วยทั้งด้านร่างกาย  ด้านจิตใจ  โดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย 
หรือเหนื่อยยากบุญบารมีคุณงานความดีของหลวงปู่ได้รับการกล่าวขานเลื่องลือระบือไกล  
ได้รับพระราชทานสัมนศักดิ์เป็น  “ พระครูอุดมวรเวท ”
                คณะศิษยานุศิษย์  ขอน้อมรำลึก  โดยรวมดวงจิตให้เป็นหนึ่งด้วย  เป็นเครื่องสักการบูชา  หลวงปู่เจียม  จะเทิดทูนยกย่องเคารพนับถือให้สูงยิ่งตลอดไป
                ลักษณะของความเชื่อรูปแบบที่รู้มา 
                ในความเป็นจริงอย่างหนึ่งที่ยังไม่มีบทพิสูจน์  แต่ก็มีความเชื่อว่ามีจริง  
เช่น  เราเชื่อว่าบุญ  บาป  มีจริง  สิ่งศักดิ์สิทธิ์  โชคลาง  อิทธิฤทธิ์  ปาฏิหาริย์  
รวมทั้งความเชื่ออื่น ๆ ที่เรียกว่าคุณไสย์  นี่คือเป็นเรื่องที่เป็นที่ไปที่มาของวัตถุมงคล  
หรืออาจจะเรียกเป้นอย่างอื่นก็แล้วแต่  ซึ่งเป็นประเภทเครื่องรางของขลังที่มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์  บันดาลให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้  ตามที่ใจปรารถนาได้  เช่น  สามารถเหาะเหิน 
เดินอากาศ  หายตัว  ดำดิน  และแปลงกาย  รวมทั้งอยู่ยงคงกระพัน  ยิงไม่ออก  แทงไม่เข้า  
จะมีกรรมวิธีหลายอย่างแตกต่างกันไป  บางอย่างต้องใช้วัตถุเฉพาะสิ่งเฉพาะอย่าง  
บางอย่างรวมหลายอย่างแล้วบริกรรมคาถา  บางอย่างบริกรรมคาถาอย่างเดียว  
บางอย่างเพียงแต่พกพา  ก็มีผลจากการพกพา  ซึ่งมีทั้งให้คุณและให้โทษอยู่ที่ว่าเจตนาจะทำให้เป็นคุณหรือเป็นโทษ  ส่วนผู้ที่ถูกกระทำก็จะเสียหาย  หรือเรียกว่าโทษเป็น  
และยึดถือเป็นเรื่องดีงามอีกประการหนึ่งก็คือ  ประสบโชคลาภสำเร็จในธุรกิจ  
ได้มหานิยม  มีคนรักใคร่นับถือ  มีบริวาร  แคล้วคลาดจากศัตรู  ภัยอันตราย
          อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์...เกร็ดตำนานในพุทธศาสนา 
                ในเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์ถ้าจะพูดไปมากก็จะกลายเป็นว่าอวดอุตริมนุสธรรมเป็นการอวดอ้างที่ไม่สมควร  ที่จะนำมากล่าวอ้าง  พูดคุยกันเล่น  
ในทางพุทธศาสนาได้กล่าวถึง  เรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ไว้หลายตอน
เช่นเมื่อคราวที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติ  เดินได้  ๗  ก้าว  จัดพิธีแรกนาขวัญ 
 ผูกอู่ไว้ใต้ต้นหว้า  เมื่อตอนบ่ายคล้อยไปแล้วเงาไม้  
ยังไม่เคลื่อนไปตามแสงอาทิตย์ยังบังเป็นร่มเงาให้อยู่ที่เจ้าชายสิทธัตถะนอนอยู่  
และภายหลังตรัสรู้แล้ว  พระพุทธเจ้าเสด็จไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ทุกคนทำท่าทีกระด้าง  
กระเดื่อง  ไม่เคารพ  กราบไหว้  พระพุทธเจ้าจึงแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์โดยการเหาะขึ้นไปกลางอากาศ  บันดาลให้เกิดเป็นฝนโบกขรพรรษ์เป็นเม็ดสีชมพู  ผู้ใดต้องการให้เปียกก็เปียก  ผู้ใดไม่ต้องการให้เปียกก็ไม่เปียก  เมื่อเปียกแล้วก็สามารถระลึกชาติได้
                             ความเชื่อในพลังจิต 
                การที่จะดลบันดาลให้เป็นอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ได้นั้น  นอกจากจะเป็นการบริกรรมคาถา  และวัตถุอื่น  มีปัจจัยอื่น ๆ แล้วคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดคือพลังสมาธิที่แรงกล้าเป็นการกำหนดจิต  หรือรวมกระแสจิตให้เป็นหนึ่ง  พลังสมาธิกระแสจิตจะดลบันดาลให้เป็นไปตามจิตปรารถนา  ซึ่งการที่จะฝึกตนให้มีสมาธิหรือมีกระแสจิตที่มีพลังได้ในระดับนี้  จะต้องอาศัยความเพียรพยายามอย่างสูงสุดความตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยว  แน่วแน่และมั่นคง  แน่นอนที่ต้องการให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้  เมื่อสมาธิแก่กล้าแล้ว  ก็จะบันดาลให้ได้ที่จิตต้องการ